
สนทนาประสาพ่อลูก
“Social Political Issues”
วิถีของคนรุ่นใหม่ “สร้างปัญหาเพื่อให้มันเป็นปัญหา”
น้องอิงลูกชายเริ่มต้นเล่าว่า ไปอ่านบทความของนักศึกษาปริญญาเอกที่เป็นรุ่นพี่ ซึ่งทำวิจัยเรื่อง “Social Political Issues” มีประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับเด็กยุคใหม่ที่น่าสนใจ
น้องอิงเล่าว่า วิถีชีวิตของเด็กรุ่นใหม่สมัยนี้ ความจริงพวกเขาเกิดมาอยู่ดีมีสุข ไร้ซึ่งปัญหา เพราะพ่อแม่ยุคนี้สร้างชีวิตจนประสบความสำเร็จยิ่งกว่าคนยุคก่อน จึงสามารถปูทางสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับลูกได้ทุกอย่าง
ด้วยความที่เด็กยุคนี้ไม่มีปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ เรื่องเงินทอง และเรื่องความเหลื่อมล้ำ เหมือนคนยุคพ่อแม่ ปู่ย่าตายายประสบมา พวกเขาจึงน่าจะมีชีวิตที่สุขสบายดี
แต่กลายเป็นว่า พวกเขาเหล่านั้นกลับสร้างปัญหาต่างๆ ขึ้นมาเอง เพื่อจะบอก(หรือเรียกร้องความสนใจ)ว่าชีวิตของตนมีปัญหา”
ตอนแรกพ่อก็ไม่ได้จะตั้งใจฟังเท่าไหร่ และยังจับประเด็นไม่ได้ ว่าลูกพูดถึงอะไร แต่พอลูกพูดถึงตรงนี้ มันเหมือนถูกจุดไฟเพิ่มความสว่าง พ่อก็ตาสว่างขึ้นมาเลยจริงๆ เพราะเด็กยุคนี้ เป็นอย่างนั้นจริงๆ
พ่อเลยขอแทรก เพื่อยกตัวอย่างเสริมว่า
ดูอย่างเด็กไทยซิ เขาออกมาพร้อมใจพูดว่า พวกเขา ไม่มีสิทธิ เสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็น
ทั้งที่เขาก็ยืนพูดแสดงความคิดเห็นอยู่ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะในบ้าน ที่โรงเรียน มหาวิทยาลัยหรือบนท้องถนน หน้าศาล หน้าทำเนียบรัฐบาล
การที่พวกเขาบางคนถูกดำเนินคดีนั้นเพราะเขาใช้สิทธิ เสรีภาพที่มีเกินขอบเขตของกฎหมาย มิใช่เพราะถูกจำกัดสิทธิ เสรีภาพ อย่างที่เข้าใจผิดๆ
เขาบอกว่าสังคมมีความเหลื่อมล้ำ ไม่มีความเท่าเทียมกัน ทั้งที่ความจริงแล้ว ตามธรรมชาติของโลกนั้นความเท่าเทียมกันไม่มีอยู่จริง
โลกนี้ มีผู้ใหญ่และเด็ก เด็กไม่มีวันแก่เท่าผู้ใหญ่ได้ ลูกศิษย์ต้องเรียนหนังสือกับครูอาจารย์ ลูกน้องต้องทำตามคำสั่งของเจ้านาย คนฉลาดมากกว่าย่อมฉลาดกว่าคนที่ฉลาดน้อยกว่า และคนที่ฉลาดมากกว่าก็ย่อมจะมีโอกาสรวยมากกว่า
ไม่มีทางที่ทุกคนจะฉลาดเท่ากัน จนสามารถสร้างฐานะให้ร่ำรวยเท่ากัน
ความเสมอภาคในแง่ของระบอบประชาธิปไตยก็คือ ไม่ว่าคุณจะเรียนสูงหรือไม่ได้เรียน คุณจะรวยหรือจน คุณจะเป็นเจ้านายหรือลูกน้อง คุณจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ คุณก็มี 1 เสียง ในการเลือกผู้แทนไปใช้อำนาจอธิปไตยแทนตัวคุณ เท่ากับคนอื่นๆ ทุกคน
สิทธิและเสรีภาพคือ การที่จะคิดหรือทำอะไรก็ได้ ภายใต้กฎหมาย ซึ่งมันหมายความว่า คุณไม่ได้มีสิทธิเสรีภาพอย่างไร้ขีดจำกัด
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้คือ เด็กรุ่นใหม่ ถูกหลอก แล้วกลับมาหลอกตัวเองว่า ชีวิตของฉันมีแต่ความลำบาก มีแต่ข้อจำกัด ฉันไม่มีสิทธิ เสรีภาพ ไม่มีความเสมอภาค ขาดความเท่าเทียมกัน
ทั้งที่เขาและเธอ มีวิถีชีวิตที่สุขสบาย อยากเรียนได้เรียน อยากกินได้กิน อยากเที่ยวได้เที่ยว อยากนอนได้นอน
ประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคใดๆ ไม่ได้มีผลที่ทำให้เขาและเธอ ไม่มีที่อยู่ที่กิน ไม่มีที่เรียน ไม่มีที่เที่ยว เลย
น้องอิงแค่เปิดประเด็นมาได้นิดเดียว พ่อขยายความเสียยาว
น้องอิงพูดต่อไปว่า โลกในยุคหน้าจึงวุ่นวาย เพราะเด็กที่ชีวิตไม่ได้มีปัญหา แต่กลับสร้างปัญหาขึ้นมาเสียเอง
น้องอิงบอกว่า วิถีชีวิตของคนรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย นั้นเป็นคนรุ่นที่มี Uniform คือมีกฏกติกา มารยาท จริยธรรม จารีตประเพณี ต่างๆ นาๆ มากมาย ที่ตีกรอบเอาไว้
ทำให้คนรุ่นก่อนต้องถูกจำกัดอยู่ในกรอบ คือมี Uniform ซึ่งมันกลับทำให้คนรุ่นก่อน รู้จักว่า อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ หรืออะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
แต่เด็กยุคใหม่ ไม่มี เพราะพวกเขาปฏิเสธ กฏกติกา มารยาท จริยธรรม จารีตประเพณี ทั้งหลายเหล่านั้น
พวกเขาไม่ขออยู่ในกรอบ ไม่ขอมี Uniform ชีวิตอิสระเสรีไร้ขีดจำกัด จนมันสุขสบายมากเสียจน โหยหาปัญหา จึงคิดสร้างปัญหาขึ้นมา ทั้งที่ชีวิตไม่มีปัญหาใดๆ เลย
จบข่าว
เพราะมันเป็นจริงตามที่น้องอิงพูดทุกประการ
สุขล้น ทนคิดถึงปัญหาไม่ไหว
ชีวิตที่ไม่มีปัญหาและอุปสรรค มันไร้ซึ่งรสชาติ
จึงสร้างปัญหาขึ้นมาเสีย ชีวิตจะได้มีรสชาติ
ชีวิตที่ไร้ขีดจำกัด ก็สร้างขีดจำกัดมันขึ้นมาเสียเอง
ชีวิตที่มีอิสระเสรี ก็บอกว่าไม่เคยมีสิทธิและเสรีภาพเลย
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
พ่อเอ็ด ลูกอิง