
จากพี่โทนี่ ถึงน้องโอเว่น
“Fallen just before the heavens-ตกลงมาก่อนจะถึงสวรรค์“
#อัษฎางค์ยมนาค
ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมา
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีดูเหมือนจะเป็นเวทีที่ใครหลายคนก้าวขึ้นไปทั้งที่ ยังไม่ได้เตรียมตัวอย่างแท้จริง
จะเป็นคนดีหรือไม่ก็ตาม
เมื่อถึงวันที่ต้องรับหน้าที่—มันไม่ใช่แค่บริหารงาน
แต่คือการขึ้นเวทีเหมือนนักมวยที่เจอคู่ต่อสู้ทันที
ไม่มีเวลาซ้อม ไม่มีสิทธิ์จะนั่งคิดว่าจะทำยังไง
เพราะปัญหาทางเศรษฐกิจ การเมือง และความขัดแย้งเชิงอำนาจ ประดังเข้ามาไม่หยุด
_______________________________________________
นายกรัฐมนตรีที่มีประวัติขาวสะอาดหลายคน
กลับต้อง จบลงด้วยภาพลักษณ์ที่เสียหาย
ไม่ใช่เพราะทุจริต แต่เพราะ ขาดความพร้อมและกลไกรับมือกับวิกฤต
ไม่ต้องพูดถึงนายกฯ ที่มีพฤติกรรมฉ้อฉล
เอาแค่คนดี ๆ
ล้วนเป็นคนดีในสายตาประชาชน
แต่เมื่อเผชิญกับปัญหาหนักหนาสาหัสในตำแหน่ง
สุดท้ายก็ไปไม่รอด
_______________________________________________
ปัญหาสำคัญคือ…
ส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่นี่คือตำแหน่งที่ต้องรับมือกับปัญหาใหญ่ระดับประเทศ ชนิดที่ แม้แต่ในความฝันยังไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะต้องแบกรับ สุดท้ายหลายคนก็ล้มกลางสนาม
เหมือนอย่างที่ แพทองธาร ชินวัตร กำลังผจญภัยในสมรภูมิอำนาจอย่างทุลักทุเล
ในขณะที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่
เตรียมตัวล่วงหน้าอย่างรอบด้านเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งการเงิน การเมือง เครือข่าย สื่อ และอำนาจทางธุรกิจ
_______________________________________________
และเพราะความพร้อมนี้
เขาจึงรับมือกับโอกาสและวิกฤตต่าง ๆ ได้อย่าง “มืออาชีพ”
ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีมืออาชีพ ที่ “สร้างชื่อ” ได้
เพราะเขาเตรียมตัวมาดี
แต่สิ่งที่เขาขาด คือ “ธรรมาภิบาล”
ถ้าเขาทำงานด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส
เพียงแค่ 4 ปี หรือ 8 ปี
วันนี้เขาคงกลายเป็นบุคคลระดับโลก
และธุรกิจครอบครัวคงรุ่งเรืองอย่างไม่มีใครเทียบ
แต่น่าเสียดาย…บางคนดันตัดช่องน้อยแต่พอตัวไปเสียก่อน
Fallen just before the heavens.
เกือบไปแตะขอบฟ้า…แต่กลับลื่นไถลลงมาก่อนถึงสวรรค์
_______________________________________________
พอพูดถึงเรื่องนี้
ขอแวะข้างทางนิดหนึ่ง—ถึง “คุณอ้นและสี่พี่น้อง”
ถ้าทั้งหมดนี้สงบเสงี่ยม เจียมตัว
และตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ว่าจะมุมไหนของโลก
ใครจะไปรู้…วันหนึ่ง “ราชรถ” อาจไปเกยถึงที่
เหมือนดั่ง จูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) ใช้ชีวิตเรียบง่ายในป่าเขาโงลังกั๋ง ไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีกูเกิล ไม่มีวิกิพีเดีย แต่… “เล่าปี่” ก็เดินทางไปหาเขาจนเจอ
เล่าปี่ไม่ใช่ไปหาแค่ครั้งเดียว แต่ถึง 3 ครั้ง เพื่อโน้มน้าวให้ขงเบ้งลงจากเขา มาสร้างบ้านเมืองให้มีธรรมาภิบาลอย่างที่โลกยังจดจำ
ทำไมเล่าปี่ใช้ความพยายามขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะ ขงเบ้ง เป็นผู้ที่มีคุณธรรม มีปัญญา และ เตรียมพร้อมอยู่เงียบ ๆ รอเพียงผู้นำที่ยิ่งใหญ่มาเชิญไปสร้างแผ่นดิน
ขงเบ้งไม่เคยวิ่งเข้าหาแสง
ไม่ต้องเสแสร้งสร้างภาพ ไม่ต้องอิงใคร
และไม่ปล่อยให้ใครอิงแสงจากตนเอง
เขาไม่ยื่นมือขึ้นเพื่อขอตำแหน่ง
แต่เป็นตำแหน่งที่เดินทางมาตามหาเขา
ต่างจากบางคนในวันนี้…
ที่ยิ่งแสดงออก ยิ่งเผยให้เห็น “ใจที่ยังไม่บริสุทธิ์พอจะยิ่งใหญ่”
คนที่แสวงหาความยิ่งใหญ่ ด้วยภาพที่ยังไม่งดงามพอ
ก็จะกลายเป็นภาพที่ไม่งดงามในที่สุด
แต่น่าเสียดาย…บางคนดันตัดช่องน้อยแต่พอตัวไปเสียก่อน
Fallen just before the heavens.
เกือบไปแตะขอบฟ้า…แต่กลับลื่นไถลลงมาก่อนถึงสวรรค์
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ไม่ต้องรีบรวย ไม่ต้องรีบยิ่งใหญ่ด้วยเล่ห์กล
ขอแค่มี “คุณธรรม” เป็นหลัก
บุญจะหนุนส่ง ในวันที่คุณไม่ทันตั้งตัว
กลับมาที่ ทักษิณ
เขาคือหนึ่งในไม่กี่คนที่
เตรียมตัวมาเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มรูปแบบ
คำถามที่ตามมาคือ…
เขาเตรียมตัวไว้แค่เป็นนายกฯ…หรือเพื่อเป็นมากกว่านั้น?
คนที่ไม่ได้เตรียมตัว—อย่าง ลุงตู่
พยายามอย่างสุดกำลังเพื่อ “เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดี”
ซึ่งก็ยากเต็มทีอยู่แล้ว
เพราะหลายอย่าง out of control ทั้งการเมืองและราชการ
แต่คนที่เตรียมตัว—อย่าง ทักษิณ
เมื่อได้เป็นนายกฯ จริง
ทุกอย่างดูเหมือนจะ under control เกือบทั้งหมด
และคนที่ชอบความท้าทาย
พอทุกอย่างเริ่มง่าย…
ก็ย่อมจะฝันใหญ่ขึ้นไปอีก
คำถามคือ…
เขาหยุดอยู่แค่ “นายกรัฐมนตรี” หรือเปล่า?
ผิดกับน้องสาวและลูกสาว
ที่ไม่ได้เตรียมตัว และยังไม่รักงานที่ทำ
สุดท้าย…ก็กลายเป็น “เป้าให้สังคมเมาท์ทุกวัน”
_______________________________________________