
”ภัยคุกคามอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติเขมรต่อไทย“
โดย อัษฎางค์ ยมนาค
รายงานจากสหรัฐอเมริการะบุ อุตสาหกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐในกัมพูชาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงโลก(รวมถึงไทย)
▍ รายงาน “Policies and Patterns: State-Abetted Transnational Crime in Cambodia as a Global Security Threat” เป็นผลงานวิจัยที่จัดทำโดย Jacob Sims และเผยแพร่โดย Humanity Research Consultancy ผ่านเว็บไซต์ของ Humanity Research Consultancy เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2025 รายงานนี้ได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และอาศัยข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ นักการทูต นักวิชาการ นักข่าว และผู้รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์กว่า 50 คน
เนื้อหาของรายงานเน้นการวิเคราะห์บทบาทของรัฐกัมพูชาในการสนับสนุนและเอื้อประโยชน์ต่ออาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหลอกลวงทางไซเบอร์และการค้ามนุษย์เพื่อบังคับทำงาน รายงานนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบาลกัมพูชา โดยกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาและระบุว่ารายงานดังกล่าวมีแรงจูงใจทางการเมือง
▍ สาระสำคัญของ “Policies and Patterns: State-Abetted Transnational Crime in Cambodia as a Global Security Threat” ชี้ให้เห็นว่า…
กัมพูชาได้กลายเป็นศูนย์กลางระดับโลกของอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรมไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการหลอกลวงออนไลน์ขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนหรือปกป้องโดยรัฐ
ประเด็นสำคัญของรายงาน
• กัมพูชาเป็น “ฮับ” หลักของอุตสาหกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยมีแรงงานในอุตสาหกรรมนี้กว่า 150,000 คน และสร้างรายได้มหาศาล (ประเมินสูงถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี)
• อุตสาหกรรมนี้เชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์อย่างกว้างขวาง โดยมีเหยื่อถูกล่อลวงหรือบังคับให้ทำงานในศูนย์หลอกลวงออนไลน์
• ปัจจัยหลักที่เอื้อให้อาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้เกิดขึ้นและดำรงอยู่ คือ
• การคอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง
• การปกป้องจากเจ้าหน้าที่รัฐและชนชั้นนำทางการเมือง
• การมีส่วนร่วมโดยตรงของเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมถึงญาติของนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี
• ความพยายามในการปฏิรูปหรือปราบปรามอาชญากรรมนี้ล้มเหลว เนื่องจากรัฐมีบทบาทเป็นทั้งผู้สนับสนุนและผู้ปกป้องเครือข่ายอาชญากรรม
ภัยคุกคามต่อความมั่นคงโลก
• อาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติในกัมพูชาก่อให้เกิดความเสียหายทางการเงินระดับมหาศาลทั่วโลก โดยเงินที่ได้จากการหลอกลวงถูกฟอกเข้าสู่ระบบการเงินโลก
• การมีส่วนร่วมของจีนในฐานะทั้งผู้เอื้อประโยชน์และผู้พยายามปราบปราม สร้างความซับซ้อนและความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์
• การผนวกอำนาจรัฐกับอาชญากรรม (“state-crime nexus”) ทำให้กลไกทางการทูตและความร่วมมือระหว่างประเทศแบบเดิมไร้ประสิทธิภาพในการรับมือกับปัญหานี้
บทบาทของภาคประชาสังคมกับนานาชาติ
• ภาคประชาสังคมในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอาสาสมัคร องค์กรสิทธิมนุษยชน และสื่ออิสระ คือกลุ่มหลักที่เปิดโปงและต่อต้านอุตสาหกรรมอาชญากรรมนี้ แม้จะถูกกดขี่และขาดแคลนทรัพยากร
• องค์กรนานาชาติและ NGO จากต่างประเทศยังไม่สามารถสร้างผลกระทบที่เป็นรูปธรรมได้ เนื่องจากต้องพึ่งพาความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนได้เสียกับระบบเดิม
สรุป รายงานนี้เน้นย้ำว่าปรากฏการณ์อาชญากรรมข้ามชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐในกัมพูชาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงโลกในมิติใหม่ ซึ่งต้องการแนวทางแก้ไขที่เหนือกว่าการทูตและมาตรการภายในประเทศแบบเดิม โดยประชาคมโลกควรเร่งสร้างความร่วมมือเชิงรุกเพื่อจำกัดอิทธิพลของเครือข่ายอาชญากรรมที่มีรัฐหนุนหลัง
▍ กระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในสายตานานาชาติ
การที่กัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในสายตานานาชาติอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยเหตุผลหลักดังนี้
• ไทยถูกเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรม อุตสาหกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชาพึ่งพาทรัพยากรจากไทย ทั้งไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และแรงงานข้ามพรมแดน ไทยจึงถูกมองว่าเป็นทั้งแหล่งเหยื่อ แหล่งแรงงาน และ “ทางผ่าน” ของกระบวนการฟอกเงินและกิจกรรมผิดกฎหมาย การมีคนไทยจำนวนมากตกเป็นเหยื่อหรือเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ว่าไทยอาจไม่มีประสิทธิภาพในการควบคุมปัญหาดังกล่าว
• บั่นทอนความน่าเชื่อถือด้านความมั่นคงและกฎหมาย เมื่อไทยถูกใช้เป็นช่องทางหรือฐานปฏิบัติการของอาชญากรรมข้ามชาติ สะท้อนถึงช่องโหว่ด้านการบังคับใช้กฎหมายและการควบคุมพรมแดน ส่งผลให้ต่างชาติมองไทยว่าเป็น “จุดอ่อน” ในภูมิภาคและอาจไม่ให้ความร่วมมือหรือความเชื่อมั่นในฐานะพันธมิตรด้านความมั่นคง
• กระทบสถานะในเวทีอาเซียนและระดับโลก การที่อาชญากรรมไซเบอร์ขยายผลจากกัมพูชาสู่ไทย ทำให้ไทยถูกจับตามองในฐานะประเทศที่อาจเอื้อหรือเพิกเฉยต่อปัญหา ซึ่งส่งผลต่อบทบาทนำในอาเซียนและความร่วมมือระหว่างประเทศ หากไทยไม่แสดงความจริงจังในการแก้ไข อาจถูกลดบทบาทหรือความไว้วางใจในเวทีสากล
• กระทบเศรษฐกิจและการลงทุน ภาพลักษณ์ที่ไทยเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติหรือเป็นแหล่งฟอกเงิน จะทำให้ต่างชาติระมัดระวังการลงทุน และอาจนำไปสู่มาตรการคว่ำบาตรหรือข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ
สรุป:
การที่กัมพูชาเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติส่งผลกระทบต่อไทยโดยตรง เพราะไทยถูกเชื่อมโยงในฐานะทั้งเหยื่อและทางผ่านของกิจกรรมผิดกฎหมาย ทำให้ภาพลักษณ์ด้านความมั่นคง กฎหมาย และความน่าเชื่อถือในเวทีโลกของไทยถูกบั่นทอน
▍ จะเกิดอะไรขึ้นหากไทยละเลยแก้ไขปัญหานี้
การละเลยแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐในกัมพูชา จะทำให้ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นแหล่งสนับสนุนหรือเอื้อประโยชน์ต่อกิจกรรมผิดกฎหมายในสายตานานาชาติอย่างชัดเจน ด้วยเหตุผลดังนี้
• บทบาทเป็นศูนย์กลางและทางผ่าน ไทยมีสถานะเป็นศูนย์กลางคมนาคม การท่องเที่ยว และการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ทำให้เป็นเป้าหมายสำคัญของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ หากไทยไม่สามารถป้องกันหรือควบคุมการใช้พื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานของตนในการดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมายได้ จะถูกมองว่าเป็น “จุดอ่อน” หรือ “ทางผ่าน” ของอาชญากรรมข้ามชาติ
• ข้อครหาด้านการบังคับใช้กฎหมายและความโปร่งใส การที่อาชญากรรมข้ามชาติขยายตัวและมีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนเกี่ยวข้อง สะท้อนถึงปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มแข็งและขาดความโปร่งใส ส่งผลให้ไทยถูกจับตามองว่าอาจมีการเพิกเฉยหรือสมรู้ร่วมคิดกับเครือข่ายอาชญากรรม
• ผลกระทบต่อความร่วมมือและความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ หากไทยไม่ดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ อาจถูกลดระดับความร่วมมือจากองค์กรระหว่างประเทศหรือถูกขึ้นบัญชีดำในประเด็นฟอกเงิน การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือในเวทีโลกและโอกาสทางเศรษฐกิจ
• ข้อกล่าวหาด้านสิทธิมนุษยชน ไทยอาจถูกวิจารณ์ว่าละเลยต่อการคุ้มครองเหยื่ออาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การค้ามนุษย์หรือการใช้แรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งจะนำไปสู่ข้อกล่าวหาว่าไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
สรุป:
หากไทยละเลยหรือไม่สามารถป้องกันตนเองจากการเป็นแหล่งเหยื่อหรือศูนย์ผ่านของอาชญากรรมข้ามชาติ จะถูกมองว่าเป็นประเทศที่เอื้อประโยชน์หรือสนับสนุนกิจกรรมผิดกฎหมายในสายตานานาชาติ ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจ การทูต และสถานะในเวทีโลก
▍ ข้อเสนอเชิงรุก: ไทยควรดำเนินการอย่างไรต่อปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติจากกัมพูชา
1. ยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศและภูมิภาค
• ผลักดันการเจรจาและกดดันให้กัมพูชาปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์และการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง พร้อมดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดและผู้สนับสนุนทุกระดับ
• มีบทบาทนำในอาเซียน เช่น ผลักดันข้อเสนอแนะและแนวทางปฏิบัติร่วมในกรอบอาเซียน (ASEAN Recommendations on Anti–Online Scam) และนำเข้าสู่ปฏิญญาดิจิทัลกรุงเทพ เพื่อสร้างมาตรฐานการป้องกันภัยออนไลน์ในภูมิภาค
• ร่วมรับรองและผลักดันอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ในกรอบสหประชาชาติ เพื่อเสริมสร้างกลไกความร่วมมือด้านการดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมายข้ามพรมแดน
2. เสริมสร้างมาตรการควบคุมชายแดนและโครงสร้างพื้นฐาน
• ตัดหรือควบคุมสัญญาณอินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าบริเวณชายแดนที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์และศูนย์หลอกลวง
• ควบคุมการส่งออกอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในอาชญากรรมไซเบอร์ และตรวจสอบการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมระหว่างประเทศอย่างเข้มงวด
3. ปรับปรุงกฎหมายและมาตรการบังคับใช้
• เร่งพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายที่ทันสมัย เช่น พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 เพื่อให้สามารถสั่งระงับซิมต้องสงสัย อายัดบัญชีม้า และควบคุมธุรกรรมดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ห้ามการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผิดกฎหมายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และกำหนดหน้าที่ผู้ให้บริการทางการเงินและโทรคมนาคมให้ร่วมป้องกันและสกัดกิจกรรมผิดกฎหมาย
4. บูรณาการข้อมูลและเสริมสร้างศักยภาพหน่วยงาน
• จัดตั้งหรือเสริมสร้างหน่วยงานเฉพาะด้านอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวนและบังคับใช้กฎหมาย
• บูรณาการข้อมูลข่าวสารระหว่างหน่วยงานรัฐ เอกชน และธนาคาร เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ
5. สร้างภูมิคุ้มกันและความรู้แก่ประชาชน
• ส่งเสริม Digital Literacy ให้ประชาชนรู้เท่าทันกลโกงออนไลน์และสามารถป้องกันตนเองจากภัยไซเบอร์ได้
• จัดอบรมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์ในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน และสถานศึกษา
6. ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
• ติดตามสถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและปรับมาตรการให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ให้กระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนบริเวณชายแดน
สรุป:
ไทยควรดำเนินมาตรการเชิงรุกทั้งในระดับกฎหมาย การปฏิบัติในประเทศ การประสานงานระหว่างประเทศ และการสร้างภูมิคุ้มกันในสังคม เพื่อไม่ให้ตกเป็นแหล่งเหยื่อหรือศูนย์ผ่านของอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ และรักษาความน่าเชื่อถือในเวทีโลก
▍บทส่งท้าย: ศักดิ์ศรีประเทศไม่ใช่เรื่องนามธรรม
หากวันนี้ไทยไม่ลุกขึ้นมาปกป้องคนของตนเอง และตัดวงจร “รัฐ–ทุน–อาชญากรรม” ที่แพร่กระจายมาจากชายแดนตะวันออก
วันหนึ่ง…โลกอาจมองว่าเรา ไม่ได้อ่อนแอ แต่ เลือกที่จะยืนอยู่ข้างความเงียบงันของความผิด
และนั่นคือราคาที่ความน่าเชื่อถือของชาติไม่ควรต้องจ่าย
Cambodia’s State-Supported Transnational Cybercrime: A Threat to Thailand
A recent U.S.-backed report identifies state-abetted transnational cybercrime in Cambodia as a significant threat to global security—including Thailand.
▍ Report Overview:
“Policies and Patterns: State-Abetted Transnational Crime in Cambodia as a Global Security Threat” is a research publication by Jacob Sims, released on May 16, 2025 by Humanity Research Consultancy. Supported in part by the U.S. government, the report is based on interviews with more than 50 experts, diplomats, journalists, academics, and survivors of human trafficking.
The report highlights the role of the Cambodian state in supporting and enabling cross-border criminal industries—particularly cyber scam syndicates and forced labor. The report has faced strong criticism from the Cambodian Ministry of Interior, which dismissed it as politically motivated.
▍ Key Findings:
– Cambodia has emerged as a global epicenter of transnational cybercrime, with over 150,000 workers in scam compounds and revenues estimated at up to USD 19 billion annually.
– The industry is deeply intertwined with human trafficking, often forcing victims to commit fraud.
– Key enablers include:
• Endemic corruption
• Political protection by high-ranking officials
• Direct involvement of relatives of the Prime Minister and Deputy Prime Minister
• Failed reform efforts due to state complicity in protecting these criminal networks
▍ Global Security Implications:
– Massive financial damages from cyber frauds laundered into the global financial system
– China’s ambiguous role as both enabler and enforcer adds geopolitical complexity
– The state-crime nexus renders conventional diplomatic and law enforcement approaches ineffective
▍ Civil Society & International Response:
– Local civil society—including volunteer networks, human rights NGOs, and independent journalists—remain the primary resistance despite oppression and resource scarcity
– International NGOs have had limited impact due to dependency on local collaboration with compromised authorities
▍ Policy Recommendations:
– Urgent need for coordinated harm-reduction strategies across agencies and countries
– Focus on shielding global financial systems, supporting at-risk civil society actors, and applying targeted diplomatic and economic pressure on complicit actors
▍ Summary:
This report underscores that Cambodia’s state-supported transnational crime networks are a new form of global threat—one that requires strategies beyond traditional diplomacy. The international community must act collectively to disrupt state-enabled criminal systems.
▍ Thailand’s Image at Stake:
The emergence of Cambodia as a regional cybercrime hub directly impacts Thailand’s international standing due to several factors:
• Thailand is perceived as a source of labor, victims, and a conduit for illicit activities
• Inability to control border and digital infrastructure undermines national security
• Failure to address spillover effects weakens Thailand’s leadership role in ASEAN and global cooperation frameworks
• Linkage to money laundering deters investment and risks sanctions
▍ If Thailand Fails to Act:
• Thailand may be viewed as complicit or enabling transnational crime
• Weak legal enforcement invites further criminal exploitation
• Risks include international blacklisting, reduced cooperation, and human rights criticism
▍ Strategic Action Plan:
1. Strengthen international and regional coordination
2. Secure border zones and limit telecom/power support to suspect zones
3. Enhance legal instruments and law enforcement capacity
4. Integrate data sharing and intelligence collaboration
5. Improve cyber-literacy and public resilience
6. Monitor and adapt strategies continuously
▍ Conclusion:
Thailand must act decisively across legal, technological, and diplomatic fronts to avoid becoming a haven or transit zone for state-enabled cybercrime—and to safeguard its global credibility.
▍ Final Thought:
If Thailand remains silent while its people are exploited and its borders abused, the world may no longer see a weak nation—but a willfully complicit one.
That is a price no sovereign state should have to pay.