
เขมรเปิดเกมพิพาทพรมแดนไทย ไทยต้องตีกลับ: แฉธุรกิจสีเทาตระกูลฮุนต่อ UN กับปัญหากัมพูชากับเครือข่ายฟอกเงินระดับภูมิภาค”
โดย อัษฎางค์ ยมนาค : อ่านเกมอำนาจ
▍ ความเชื่อมโยงธุรกิจสีเทาของตระกูลฮุนในกัมพูชา
ตระกูลฮุน โดยเฉพาะในยุคของฮุน เซน (อดีตนายกรัฐมนตรี) และฮุน มาเนต (นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน) มีบทบาทสำคัญในการสร้างและควบคุมเครือข่ายธุรกิจและการเงินที่ซับซ้อนในกัมพูชา โดยโครงสร้างเครือข่ายนี้มีลักษณะเป็น “ใยแมงมุม” ที่จุดศูนย์กลางคือกลุ่มผู้นำตระกูลฮุน เชื่อมโยงออกไปยังกลุ่มทุนอุปถัมภ์ นักธุรกิจการเมืองท้องถิ่น และทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มทุนจีนและกลุ่มอาชญากรไซเบอร์จากเกาหลีเหนือ
กลไกและธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้อง
→ 1. ธุรกิจการเงินและฟอกเงิน
• Huione Group และ Huione Pay: เป็นศูนย์กลางของธุรกรรมฟอกเงินข้ามชาติ โดยใช้แพลตฟอร์ม Huione Guarantee บน Telegram เป็นตลาดกลางซื้อขายคริปโต (USDT) ระหว่างกลุ่มอาชญากร โดยมีระบบ Escrow ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฟอกเงิน
• การใช้ Stablecoin และ Blockchain: เงินผิดกฎหมายจากการหลอกลวงออนไลน์ แฮ็กเกอร์ และการพนันออนไลน์ จะถูกแปลงเป็นคริปโต (โดยเฉพาะ USDT) แล้วนำเข้าสู่ระบบ Huione เพื่อฟอกต่อ โดยใช้เทคนิคซิกแซ็กผ่านกระเป๋านิรนามและ OTC หลายชั้น ทำให้ติดตามได้ยาก
→ 2. การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และโครงการใหญ่
• กลุ่มทุนที่สนับสนุนตระกูลฮุน เช่น Prince Group, LYP Group, Kok An, Try Pheap ใช้เงินที่ได้จากธุรกิจสีเทาไปลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ซึ่งบางโครงการเป็นเพียงฉากหน้าสำหรับธุรกิจผิดกฎหมาย
• เงินฟอกยังถูกนำไปซื้อกิจการสถาบันการเงิน เช่น Huione Group ที่มีทั้งธุรกิจประกันชีวิต ธนาคารเงา และเคยมีใบอนุญาตธนาคารพาณิชย์ในกัมพูชา
→ 3. การสร้างอิทธิพลทางการเมือง
• นักธุรกิจในเครือข่ายจะนำเงินสนับสนุนรัฐบาลหรือพรรคการเมือง เพื่อแลกกับตำแหน่งและสิทธิผูกขาดในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น การได้รับบรรดาศักดิ์ “ออกญา” หรือที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
• ระบบอุปถัมภ์นี้ทำให้ธุรกิจของกลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องได้รับการปกป้องจากการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมาย
→ 4. การกระจายเงินและอิทธิพลข้ามพรมแดน
• เครือข่ายฟอกเงินของตระกูลฮุนมีความเชื่อมโยงกับทุนจีนและกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ในภูมิภาค เงินผิดกฎหมายจากจีน ไทย เวียดนาม และเกาหลีเหนือถูกส่งเข้ามาฟอกในกัมพูชา ก่อนจะถูกแปรสภาพเป็นทรัพย์สินหรูหรือส่งต่อไปลงทุนในต่างประเทศ เช่น ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์
• มีการใช้บริษัทบังหน้าและสมาคมการค้าในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหมุนเงินและฟอกเงินข้ามชาติ
ความเชื่อมโยงโดยตรงกับตระกูลฮุน
• ฮุน เซน: สร้างระบบการเมืองแบบอุปถัมภ์ที่ผูกขาดโดยพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) นักธุรกิจที่ต้องการเติบโตในกัมพูชาต้องมีผู้อุปถัมภ์ทางการเมือง ซึ่งมักเป็นคนใกล้ชิดตระกูลฮุน
• ฮุน มาเนต: สืบทอดอำนาจต่อจากบิดาในปี 2023 และยังคงพึ่งพากลุ่มทุนเดิม เช่น ลียงพัด หรือ Chen Zhi ที่สนับสนุนพรรคฯ ขณะเดียวกันคนในครอบครัวของเขาเอง เช่น ฮุน โต ยังดำรงตำแหน่งบริหารในกลุ่ม Huione
• การปกป้องและเอื้อประโยชน์: รัฐบาลกัมพูชามักไม่ดำเนินการกับตัวการใหญ่ในเครือข่ายฟอกเงิน แม้จะถูกกดดันจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ หรือจีน โดยมีเพียงการจับคนจีนปลาซิวส่งคืนให้จีนบางส่วนเท่านั้น
▍ ผลกระทบและความมั่นคงในภูมิภาค
• เครือข่ายธุรกิจของตระกูลฮุนมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ และความมั่นคงของกัมพูชาและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนอาชญากรรมข้ามชาติ และบ่อนทำลายหลักนิติธรรมในประเทศ
• การฟอกเงินและอาชญากรรมไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้ ทำให้กัมพูชาถูกมองว่าเป็น “สนามทดลอง” สำหรับอาชญากรรมการเงินไฮเทคในภูมิภาค
▍ ผลกระทบของเงินผิดกฎหมายต่ออำนาจและทรัพย์สินของตระกูลฮุน
→ 1. การเสริมสร้างอำนาจทางการเมือง
• เงินผิดกฎหมายจากกิจกรรมฟอกเงิน หลอกลวงออนไลน์ และการพนัน ถูกนำมาใช้สนับสนุนพรรคการเมืองและรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ที่ตระกูลฮุนควบคุมอยู่ ทำให้สามารถซื้อความจงรักภักดีและสร้างระบบอุปถัมภ์ที่แข็งแกร่งในหมู่ข้าราชการ นักการเมือง และกลุ่มทุนท้องถิ่น
• การใช้เงินสนับสนุนทางการเมือง แลกกับตำแหน่ง ที่ปรึกษา หรือบรรดาศักดิ์ระดับสูง เช่น “ออกญา” ช่วยให้ตระกูลฮุนและเครือข่ายใกล้ชิดได้รับสิทธิผูกขาดในอุตสาหกรรมสำคัญ และได้รับการปกป้องจากการตรวจสอบทางกฎหมาย
→ 2. การสะสมและขยายทรัพย์สิน
• การนำเงินฟอกไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในกัมพูชา ทำให้ตระกูลฮุนและกลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องสามารถสะสมทรัพย์สินมูลค่าสูงและมีอิทธิพลในเศรษฐกิจประเทศ
• การเข้าซื้อกิจการสถาบันการเงิน เช่น กลุ่ม Huione ที่มีธุรกิจประกันชีวิต ธนาคารเงา และเคยมีใบอนุญาตธนาคารพาณิชย์ในกัมพูชา ช่วยให้สามารถเคลื่อนย้ายเงินข้ามชาติได้สะดวกและขยายอิทธิพลทางการเงิน
→ 3. การปกป้องอำนาจและผลประโยชน์
• ระบบอุปถัมภ์และการคุ้มครองทางการเมือง ทำให้รัฐบาลกัมพูชามักไม่ดำเนินการกับตัวการใหญ่ในเครือข่ายฟอกเงิน แม้จะถูกกดดันจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ หรือจีน ส่งผลให้ตระกูลฮุนยังคงรักษาอำนาจและผลประโยชน์ไว้ได้
• การใช้เงินฟอกสร้างบารมีและซื้อความปลอดภัย เช่น การบริจาคเงินให้รัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐ เพื่อแลกกับการไม่ถูกตรวจสอบหรือดำเนินคดี ช่วยให้ตระกูลฮุนและเครือข่ายสามารถดำเนินธุรกิจสีเทาได้ต่อเนื่อง
→ 4. การกระจายอิทธิพลข้ามพรมแดน
• การลงทุนในทรัพย์สินและธุรกิจในต่างประเทศ เช่น ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ทำให้ตระกูลฮุนสามารถกระจายความเสี่ยงและขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจนอกกัมพูชา
• การใช้บริษัทบังหน้าและสมาคมการค้าในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหมุนเงินและฟอกเงินข้ามชาติ สร้างเครือข่ายอิทธิพลที่ขยายออกไปนอกประเทศ
→ 5. ผลกระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพ
• การฟอกเงินและอาชญากรรมไซเบอร์ ที่เชื่อมโยงกับตระกูลฮุน ส่งผลให้กัมพูชาถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมการเงินไฮเทคในภูมิภาค บ่อนทำลายหลักนิติธรรม และสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองในระยะยาว
▍ แนวทางที่ไทยควรดำเนินการต่อกัมพูชา กรณีอาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงิน
→ 1. การใช้กลไกทวิภาคีและความร่วมมืออาเซียน
• ไทยควรเน้นการใช้กลไกทวิภาคี เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เพื่อหารือและแก้ไขปัญหาความมั่นคงชายแดน อาชญากรรมข้ามชาติ และการฟอกเงินร่วมกันก่อนนำเรื่องเข้าสู่เวทีระหว่างประเทศ
• การเจรจาโดยตรงกับกัมพูชาจะช่วยลดความตึงเครียดและป้องกันผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นการปิดด่านหรือมาตรการตอบโต้ทางเศรษฐกิจ
• ไทยควรผลักดันให้อาเซียนให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงินในภูมิภาค โดยเสนอให้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจหรือกลไกความร่วมมือด้านข่าวกรองและการบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน
→ 2. การยกประเด็นสู่เวทีระหว่างประเทศ
• หากมาตรการทวิภาคีไม่มีความคืบหน้า ไทยสามารถยกประเด็นนี้เข้าสู่เวทีองค์การสหประชาชาติ (UN) โดยเน้นว่าปัญหาฟอกเงินและอาชญากรรมข้ามชาติมีผลกระทบต่อความมั่นคงสากล เช่นเดียวกับปัญหาค้ามนุษย์และยาเสพติด
• ไทยอาจเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) หรือคณะกรรมาธิการว่าด้วยอาชญากรรมข้ามชาติและยาเสพติด (UNODC) พิจารณาออกมาตรการหรือข้อเสนอแนะต่อกัมพูชา เพื่อกดดันให้มีการปราบปรามเครือข่ายฟอกเงินอย่างจริงจัง
• การร้องเรียนต่อ UN ควรมีหลักฐานและข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ชัดเจน เพื่อให้ได้รับความสนใจและการสนับสนุนจากนานาชาติ
→ 3. มาตรการในประเทศและชายแดน
• ไทยควรเข้มงวดการควบคุมชายแดน ป้องกันการใช้ทรัพยากรไทย (ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต ระบบการเงิน) ในกิจกรรมผิดกฎหมายของเครือข่ายในกัมพูชา
• สามารถใช้มาตรการตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต หรือควบคุมการขนส่งสินค้าและแรงงานในพื้นที่เสี่ยง เพื่อกดดันให้กัมพูชาปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
• ควรยกระดับความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ การคลัง และความมั่นคง เพื่อป้องกันการใช้ระบบการเงินไทยในการฟอกเงิน
→ 4. การใช้มาตรการทางเศรษฐกิจและการทูต
• ไทยสามารถใช้อำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจ เช่น การควบคุมการค้าชายแดน หรือการระงับความร่วมมือบางด้าน เพื่อกดดันให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ
• ควรดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนและธุรกิจในพื้นที่ชายแดน
→ 5. การสร้างความตระหนักและบทบาทสาธารณะ
• ไทยควรเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความตระหนักต่อประชาคมโลกเกี่ยวกับผลกระทบของเครือข่ายฟอกเงินและอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา เพื่อสร้างแรงกดดันทางสังคมและการทูต
• สนับสนุนบทบาทของสื่อมวลชนและภาคประชาสังคมในการตรวจสอบและเปิดโปงเครือข่ายเหล่านี้
▍ สรุป: ไทยควรใช้กลไกทวิภาคีและอาเซียนเป็นลำดับแรก หากไม่ได้ผลจึงยกระดับสู่เวที UN โดยเน้นหลักฐานและผลกระทบต่อความมั่นคงสากล ควบคู่กับมาตรการควบคุมชายแดนและการทูตอย่างระมัดระวัง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน
“As Cambodia Provokes a Border Standoff, Thailand Must Hit Back: Bringing the Hun Family’s Illicit Financial Web to the Global Stage”
Executive Summary & Policy Argument
The entrenchment of transnational criminal networks in Cambodia—rooted in the financial operations of the Hun family—has escalated into a regional security threat. This policy brief argues that Thailand should adopt a multidimensional strategy, including bilateral engagement, ASEAN mechanisms, and—if necessary—escalation to the United Nations. The objective: to expose and counter the operations of Huione Group and its affiliates, which facilitate large-scale money laundering, cybercrime, and financial crimes through the complicity of the Cambodian state apparatus.
Core Findings: The Hun Family’s Criminal Patronage System
Under the leadership of Hun Sen and now Hun Manet, the Cambodian state has become a safe haven for illicit finance and digital crime. The economic apparatus of the Hun regime is anchored in a tight-knit web of political–business patronage, linked to Chinese capital and North Korean cybercriminal cells. This network is centered on:
- Huione Group & Huione Pay: A digital financial platform enabling transnational money laundering, crypto-based fraud (especially USDT), and anonymous over-the-counter (OTC) trading.
- Real Estate Fronts: Large-scale projects funded with laundered money and supported by politically connected tycoons such as Prince Group, Try Pheap, and LYP Group.
- Political Protection: Businessmen exchange illicit money for titles and protection—receiving appointments and monopolies in key industries in return.
- Cross-Border Influence: Dirty money flows from China, Thailand, Vietnam, and North Korea into Cambodia, and is later reinvested regionally—including in Thailand.
Regional and Global Implications
- Security Risk: Cambodia’s transformation into a digital crime hub undermines regional law enforcement efforts and the rule of law.
- Economic Destabilization: Financial flows distort markets, create unfair competition, and erode trust in regulatory institutions.
- Reputational Harm: Cambodia is increasingly viewed as a black hole of financial crime—impacting ASEAN’s image and Thailand’s neighboring stability.
Recommended Strategic Response by Thailand
I. Bilateral & ASEAN Measures
- Prioritize Joint Border Commissions (JBC/GBC) and ASEAN task forces on financial intelligence and cross-border crime.
- Push for regional cooperation mechanisms modeled on mutual legal assistance and joint enforcement protocols.
II. Escalation to the United Nations
- If Cambodia refuses regional cooperation, Thailand should internationalize the issue at the United Nations Security Council (UNSC) and UN Office on Drugs and Crime (UNODC).
- Emphasize that this is not a bilateral spat, but a transnational security issue equivalent in scope to human trafficking and narcotics.
III. Domestic Containment
- Strengthen border controls and cut utilities (electricity, internet) to crime-linked zones.
- Coordinate the Bank of Thailand and Anti-Money Laundering Office (AMLO) to blacklist financial conduits connected to Huione.
IV. Economic Pressure & Targeted Sanctions
- Leverage trade and investment levers—particularly border commerce—to compel Cambodian compliance.
- Advocate for international sanctions on identified criminal entities and financial platforms linked to the Hun network.
V. Global Awareness Campaign
- Launch a diplomatic information campaign to expose Cambodia’s role in laundering and cybercrime.
- Enlist credible international media and civil society organizations to amplify the threat.