
เมื่ออัษฎางค์ตั้งพรรคการเมือง!
ทำยังไงที่จะ…“คิดแบบไทย แต่เข้าใจโลก”
ผมเรียกแนวคิดนี้ว่า…
“ประชาธิปไตยภายใต้ภูมิปัญญาไทย”
”พรรคเพื่อนอัษฎางค์“
อนุรักษ์นิยมก้าวหน้า (Progressive Conservative)
“ทันสมัย แต่ไม่ไร้ราก”
“อนุรักษ์นิยมก้าวหน้า”
ฟังดู ขัดแย้งแต่ทรงพลัง เพราะคำว่า “ก้าวหน้า” มักใช้ในเชิงเสรีนิยม แต่พอจับคู่กับ “อนุรักษ์นิยม” กลับกลายเป็นการ เสนอภาพลักษณ์ใหม่ของความอนุรักษ์ ที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีหลักการ
เหมาะกับการ “รีแบรนด์” ให้อนุรักษ์นิยมดูไม่หัวเก่า ไม่ล้าหลัง
“อนุรักษ์นิยมก้าวหน้า”
คือแนวคิดที่ รักษารากวัฒนธรรมไทยไว้โดยไม่ปิดกั้นการเปลี่ยนแปลง = เปิดทางให้มีทั้งจุดยืนและการปรับตัว
คือแนวคิดที่ รักษารากวัฒนธรรมไทยไว้โดยไม่ปิดกั้นการเปลี่ยนแปลง
#อัษฎางค์ยมนาค
_____________________________________________
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นวันเลือกตั้งใหญ่ของออสเตรเลียเป็นวันเลือกตั้ง สส.และ สว.ของออสเตรเลีย ก็เลยหาข้อมูลว่าจะเลือกใครดี
ผมไปสะดุดกับแนวคิดของผู้สมัครอิสระกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า Teal Independents กลุ่มนักการเมืองที่ไม่สังกัดพรรคใหญ่ แต่กำลังได้รับความนิยมในเขตเมืองระดับกลางและระดับบนของประเทศ
สิ่งที่น่าสนใจคือ พวกเขานำเสนอแนวทางการเมืองที่ฟังดูเหมือนขัดแย้งในตัวเอง นั่นคือ
“อนุรักษ์นิยมทางเศรษฐกิจ + เสรีนิยมทางสังคม”
หรือพูดง่าย ๆ คือ สนับสนุนกลไกตลาดเสรี แต่เปิดกว้างเรื่องสิทธิความหลากหลายทางเพศ ความเท่าเทียม และสิ่งแวดล้อม
ในมุมหนึ่ง แนวคิดนี้สะท้อนความ “กลาง” แบบใหม่ ที่ไม่ฝักใฝ่ซ้ายจัดหรือขวาจัด แต่ตั้งอยู่บน “วิจารณญาณ” และ “วินัย” ที่ใช้ได้จริงในโลกยุคเปลี่ยนแปลง
_____________________________________________
เมื่อมองกลับมาที่ประเทศไทย ผมอดคิดไม่ได้ว่า…
ประเทศไทยควรจะมีแนวทางแบบนี้เป็นของตนเองหรือไม่?
ไม่ใช่ลอกแบบออสเตรเลียหรือตะวันตก แต่ตั้งอยู่บนฐานของไทย ทั้งรากวัฒนธรรม ความจริงของสังคม และระดับการพัฒนาของเรา
“ผมยังเชื่อว่า ไทยยังไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตยเสรีนิยม 100%” เพราะประชาชนจำนวนมากยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และวุฒิภาวะในเรื่องสิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่“
ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาคอร์รัปชันและระบบอุปถัมภ์ยังเป็นรากลึกที่ฝังแน่นอยู่ทุกระดับ
เราจึงต้องการประชาธิปไตยที่มีขอบเขต มีวินัย และมีภูมิปัญญา ผมเรียกแนวทางนี้ว่า
“ประชาธิปไตยภายใต้ภูมิปัญญาไทย”
ซึ่งยึดแก่นความคิดว่า
อนุรักษ์นิยมทางเศรษฐกิจ +อนุรักษ์นิยมใหม่สายกลางทางสังคม (Economic Liberalism + Moderate Social Conservatism)
“รักษาราก” แต่ไม่ “ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง”
ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างความจารีตและความทันสมัย
นิยาม: พรรคอนุรักษ์นิยมก้าวหน้า
“ยึดหลักเศรษฐกิจเสรีและการพัฒนาที่ยั่งยืน ควบคู่กับการธำรงคุณค่าวัฒนธรรมไทย ศาสนา และจารีตประเพณี ผ่านวิธีคิดแบบไม่สุดโต่งและเข้าใจโลก”
ซึ่งแนวคิดนี้อาจหาได้ยากในโลกการเมืองไทยปัจจุบัน แต่ผมเชื่อว่ามันคือ “ทางออกที่น่าสนใจและสมดุล” สำหรับอนาคต
_____________________________________________
คำว่า “อนุรักษ์นิยมทางเศรษฐกิจ” (Economic Conservatism) อาจฟังดูเหมือน “ล้าหลัง” หรือ “ยึดติดของเดิม” แต่จริง ๆ แล้วในเชิงนโยบาย มันมีความหมายเฉพาะ ที่แตกต่างจากคำว่า “อนุรักษ์นิยมทางวัฒนธรรม” มาก และไม่ได้แปลว่าต่อต้านความทันสมัยครับ
อนุรักษ์นิยมทางเศรษฐกิจ คืออะไร?
โดยหลักแล้ว หมายถึงการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจเสรี ที่มีรัฐเข้ามาแทรกแซงให้น้อยที่สุด และให้ “ตลาด” เป็นกลไกหลักในการจัดสรรทรัพยากร แต่ต่างจากเสรีนิยมสุดโต่ง (libertarian) ตรงที่ยังยึดถือ วินัยทางการคลัง, การใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง, และ บทบาทของครอบครัวและชุมชน ในการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกับเอกชน
แนวคิดหลักของ “อนุรักษ์นิยมทางเศรษฐกิจ” เช่น:
1. รัฐไม่ควรแทรกแซงกลไกตลาดเกินความจำเป็น
เช่น ไม่เน้นแจกเงินโดยไม่มีเป้าหมาย, ไม่อุ้มทุนผูกขาด
2. เน้นวินัยทางการคลังและงบประมาณสมดุล
มองว่าการใช้เงินรัฐต้องระมัดระวัง ไม่ก่อหนี้เกินตัว
3. สนับสนุนธุรกิจเอกชนในการขับเคลื่อนประเทศ
โดยเฉพาะ SME และทุนชุมชน ไม่ใช่รัฐผูกขาดบริการ
4. ส่งเสริมคุณค่าของการทำงานความพยายามและความรับผิดชอบส่วนบุคคล
ไม่ส่งเสริมวัฒนธรรมพึ่งรัฐหรือสวัสดิการแบบไม่สมดุล
5. เชื่อใน “เศรษฐกิจจากล่างขึ้นบน” มากกว่า “จากบนลงล่าง” เช่นส่งเสริมชุมชนให้พึ่งตนเองผ่านนวัตกรรมไม่ใช่แค่รอรัฐลงทุนใหญ่
สรุปสั้น ๆ:
อนุรักษ์นิยมทางเศรษฐกิจ = เชื่อในกลไกตลาด + วินัยการเงิน + ความรับผิดชอบส่วนบุคคล
โดยรัฐควรมีบทบาท เปิดทาง ไม่ใช่ครอบงำ
_____________________________________________
อนุรักษ์นิยมใหม่สายกลางทางสังคม (Social Moderate Conservatism) ในบริบทของประเทศไทย
คือแนวคิดที่ รักษารากวัฒนธรรมไทยไว้โดยไม่ปิดกั้นการเปลี่ยนแปลง
หรือพูดง่าย ๆ ว่า “ไม่หัวแข็ง–ไม่หัวสมัยใหม่สุดโต่ง” แต่เลือกพัฒนาสังคมโดย ยึดหลักคุณธรรม ความสมดุล และภูมิปัญญาไทยเป็นฐาน
ลักษณะสำคัญของ “อนุรักษ์นิยมสายกลางทางสังคม” แบบไทย
1. เคารพจารีต ศาสนา และวัฒนธรรมท้องถิ่น
• เห็นว่าพุทธศาสนาและประเพณีไทยเป็นรากฐานสำคัญในการหล่อหลอมจิตใจและพฤติกรรมของประชาชน
• ไม่เห็นว่าวัฒนธรรมเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาแต่เป็น “ภูมิคุ้มกันทางสังคม”
• สนับสนุนการรักษาขนบธรรมเนียมเช่นระบบครอบครัวการไหว้ความกตัญญูฯลฯ
2. ยอมรับความหลากหลาย แต่ต้องอยู่ในกรอบวินัย
• เปิดรับสิทธิของ LGBTQ+ และผู้หญิง
• ยอมรับสิทธิในการนับถือศาสนาความเชื่อส่วนบุคคล
• แต่เน้นว่าทุกเสรีภาพต้องมาพร้อม “ความรับผิดชอบ” และ “ไม่ล้ำเส้นวัฒนธรรมของส่วนรวม”
3. ไม่ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องช้า–ชัด–และมีเหตุผล
• ไม่ปฏิเสธสื่อใหม่, ภาษาใหม่, ความคิดใหม่
• แต่จะค่อยๆกลั่นกรองและปรับใช้ตามบริบทไทย
• ยึดหลักว่า “สิ่งใหม่ต้องไม่ทำลายสิ่งดีที่เรามีอยู่แล้ว”
4. เน้นการอบรมจริยธรรมมากกว่าการบังคับใช้กฎหมาย
• ใช้ “การสร้างวินัยในใจ” ผ่านการศึกษาและวัฒนธรรม
• ไม่ใช่การออกกฎหมายจำกัดเสรีภาพแบบสุดโต่ง
• เชื่อว่าจุดเริ่มของสังคมดีคือ “จิตใจที่มีธรรม” ไม่ใช่แค่กฎหมายแข็ง
5. ไม่ต่อต้านโลกาภิวัตน์ แต่ตั้งรับอย่างมีภูมิคุ้มกัน
• ยอมรับว่าประเทศไทยต้องอยู่ในโลกยุคใหม่
• แต่จะไม่ลอกแบบเสรีภาพตะวันตกทั้งดุ้น
• เลือกรับเฉพาะสิ่งที่เสริมรากสังคมไม่ใช่สิ่งที่ทำให้รากหาย
วาทกรรมที่ใช้สะท้อนแนวคิดนี้:
• “เคารพสิทธิ…แต่ต้องไม่ทิ้งจริยธรรม”
• “เปิดใจรับอนาคต…โดยไม่ลืมที่มา”
• “สังคมดีต้องไม่สุดโต่งทั้งขวาและซ้าย”
• “อนาคตไทยต้องยืนอยู่บนภูมิปัญญาไม่ใช่แค่ตามกระแสโลก”
_____________________________________________
เมื่อคิดได้ถึงจุดนี้ ผมจึงลองต่อยอดให้ชัดขึ้น
ถ้าจะมีพรรคการเมืองใหม่ ที่เดินบนแนวทางนี้จริงจัง จะหน้าตาเป็นอย่างไร?
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการออกแบบแนวนโยบาย โครงสร้างพรรค และอุดมการณ์ทางการเมืองใหม่
พรรคเพื่อนอัษฎางค์
(พรรคการเมืองสมมติ)
เผื่อมีใครสนใจนำไปต่อยอด
_____________________________________________
คำประกาศเจตจำนง (Manifesto)
ในวันที่การเมืองไทยถูกแบ่งออกเป็นเพียง “เสรีนิยมไร้กรอบ” กับ “อำนาจนิยมไร้อนาคต”
เราขอยืนอยู่ในจุดที่สาม จุดของผู้ที่เชื่อว่า ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องลอกแบบประชาธิปไตยจากที่ใด
แต่ต้องสร้าง ประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับตัวเราเอง
ประชาธิปไตยที่ตั้งอยู่บนรากเหง้าของคุณธรรม จารีต และวินัย ประชาธิปไตยที่ให้เสรีภาพ แต่ต้องควบคู่กับ “ความรับผิดชอบ” และ “กลไกควบคุม”
ประชาธิปไตยที่ไม่ถูกผูกขาดโดยทุน หรืออุปถัมภ์
แต่เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกระดับเข้าถึงอำนาจอย่างมีภูมิปัญญา
นี่คือแนวทางที่เราเชื่อ
“ประชาธิปไตยภายใต้ภูมิปัญญาไทย”
_____________________________________________
ชื่อแนวคิดทางการเมือง:
“เสรีอย่างรับผิดชอบ — อนุรักษ์อย่างมีวิจารณญาณ”
(Modern Thai Liberalism with Cultural Roots)
นิยาม:
“แนวทางปฏิรูปอนุรักษ์นิยมสายกลาง” (Reformist Moderate Conservatism)
_____________________________________________
ถ้อยแถลงอุดมการณ์ (Ideological Manifesto)
อุดมการณ์ประชาธิปไตยภายใต้ภูมิปัญญาไทย
(The Doctrine of Thai-Wisdom Democracy)
“ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่สิทธิเลือกตั้ง แต่ต้องมีภูมิคุ้มกันทางสังคมร่วมด้วย”
ไม่ต่อต้านประชาธิปไตย
แต่เชื่อว่า ประเทศไทยยังไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตยเสรีนิยม 100% เพราะเรายังเผชิญกับปัญหารากลึก ทั้ง คอร์รัปชัน ระบบอุปถัมภ์ และ ความเหลื่อมล้ำทางโอกาส
ประชาธิปไตยที่ดี ไม่ใช่แค่การลงคะแนนเสียง
แต่ต้องมีกลไกควบคุม มีขอบเขต และสร้างวัฒนธรรมพลเมืองที่มีวินัยและความรับผิดชอบ
อนุรักษ์” ไม่ใช่ “ถอยหลัง”
แต่คือ “การรู้คุณค่ารากฐาน และรู้จักปรับใช้กับปัจจุบัน”
เสรีภาพของบุคคล ต้องไม่ขัดต่อความสงบและความเชื่อร่วมของสังคม
การสร้าง “สังคมสองแกน”
• แกนที่ 1: อิสรภาพ – สร้างด้วยกฎหมายที่เท่าเทียม
• แกนที่ 2: วัฒนธรรม – สร้างด้วยการเรียนรู้ไม่ใช่การบังคับ
ผมจึงเสนอแนวทางใหม่ที่หยั่งรากจากสิ่งที่เรามี นั่นคือ…
_____________________________________________
“ประชาธิปไตยภายใต้ภูมิปัญญาไทย”
ประชาธิปไตยที่อิงระบบคุณธรรม ขนบธรรมเนียม และอัตลักษณ์ไทย
เป็นประชาธิปไตยที่ มีกรอบ มีกลไก และไม่เสรีจนระบบล่ม
“คำประกาศแนวคิดทางการเมือง”
(Political Ideological Statement)
“เชื่อในประชาธิปไตย…
แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยที่ตั้งอยู่บนภูมิปัญญาไทย
ไม่ใช่ลอกแบบเสรีภาพตะวันตก โดยไม่มีกลไกป้องกันความเหลื่อมล้ำและคอร์รัปชัน
ต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีกรอบ ไม่ใช่เสรีไร้ขอบเขต
ที่เปิดทางให้อุปถัมภ์และทุนผูกขาดเติบโตโดยไม่มีใครตรวจสอบ
ไม่ปฏิเสธสิทธิของประชาชน
แต่เชื่อว่า ทุกเสรีภาพต้องคู่กับวินัย ความรับผิดชอบ และระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง”
วาทกรรมหลัก
• “ประเทศไทยไม่ต้องมีประชาธิปไตยแบบใคร — แต่ต้องมีประชาธิปไตยที่เหมาะกับคนไทย”
• “เสรีภาพต้องมีขอบเขต – สิทธิต้องมีวินัย – ประชาธิปไตยต้องมีภูมิปัญญา”
• “เปิดโอกาสด้วยระบบที่มั่นคงไม่ใช่เปิดเสรีโดยไร้กรอบ”
_____________________________________________
หัวใจของนโยบายสาธารณะ
หลักคิดศูนย์กลาง:
“สิทธิและเสรีภาพต้องไม่ทำลายความมั่นคงของสังคม และวินัยต้องไม่ใช้เป็นข้ออ้างในการลิดรอนสิทธิ”
นโยบายของเรายึดหลัก “ประชาธิปไตยภายใต้ภูมิปัญญาไทย” ซึ่งตั้งอยู่บนความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงบริบทของประเทศไทย ทั้งในเชิงวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และโครงสร้างอำนาจจริงในสังคม เราไม่เชื่อว่าประชาธิปไตยแบบลอกสูตรเสรีนิยมตะวันตกสามารถนำมาใช้ได้ทันทีในสังคมที่ยังเต็มไปด้วยปัญหาเชิงระบบ เช่น คอร์รัปชัน ความเหลื่อมล้ำ และระบบอุปถัมภ์
_____________________________________________
ในด้านเศรษฐกิจ: เสรีนิยมอย่างรับผิดชอบ
เราสนับสนุนกลไกตลาดเสรีอย่างรอบคอบ โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเติบโตภายใต้เงื่อนไขแห่งความโปร่งใส ไม่ผูกขาด และมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด รัฐไม่ควรใหญ่เกินไป แต่ต้องแข็งแรงพอที่จะเป็น “ผู้เปิดทาง” ให้คนไทยทุกระดับสามารถเข้าถึงโอกาสในการประกอบอาชีพ สร้างธุรกิจ และมีความมั่นคงในชีวิต
นโยบายเศรษฐกิจ คือหัวใจที่คนส่วนใหญ่ใช้ตัดสินใจทางการเมือง โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจเปลี่ยนเร็วจากเทคโนโลยี, โลกออนไลน์, และ AI
ต่อไปนี้คือ แนวนโยบายเศรษฐกิจภายใต้แนวคิด “เสรีอย่างรับผิดชอบ อนุรักษ์อย่างมีวิจารณญาณ” และ “ประชาธิปไตยภายใต้ภูมิปัญญาไทย” ที่ตอบโจทย์อนาคต แต่ยังตั้งอยู่บนรากวัฒนธรรมไทยอย่างมั่นคง:
นโยบายเศรษฐกิจยุคใหม่: สร้างโอกาสในโลกเปลี่ยน แต่ไม่ทิ้งคนไทยไว้ข้างหลัง
“เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว แต่ความมั่นคงทางชีวิตต้องไม่หายไป”
_____________________________________________
1. เศรษฐกิจเสรีแบบมีวินัย
• ส่งเสริมการแข่งขันเสรีโดยลดอุปสรรคทางกฎหมายและระบบราชการให้ผู้ประกอบการรายเล็ก–กลางสามารถเข้าถึงโอกาสเท่าเทียมกับทุนใหญ่
• ปฏิรูปกฎหมายธุรกิจให้สอดคล้องกับโลกออนไลน์เช่นเปิดทางให้ “ธุรกิจเดี่ยว” หรือผู้ประกอบการออนไลน์/ครีเอเตอร์สามารถเข้าระบบภาษีง่ายขึ้น
• ลดภาษี–ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นสำหรับธุรกิจขนาดเล็กใน 3 ปีแรกเพื่อจูงใจให้คนรุ่นใหม่กล้าทำธุรกิจของตัวเอง
2. พลิกโครงสร้างไทยสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม (Innovation-Based Economy)
• จัดตั้ง “เขตนวัตกรรมท้องถิ่น” (Local Innovation Sandbox) ในแต่ละจังหวัดเพื่อเปิดพื้นที่ทดสอบโมเดลธุรกิจใหม่–เทคโนโลยี–AI โดยไม่ติดข้อกฎหมายล้าหลัง
• พัฒนาทุนมนุษย์ผ่าน “ทักษะยุคใหม่” เช่น Coding, Data, Creative Economy ให้ฟรีในระดับชุมชน
• หนุน “แพลตฟอร์มไทย” แข่งกับแพลตฟอร์มต่างชาติโดยให้ทุนวิจัยสร้างระบบการเงิน-อีคอมเมิร์ซที่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย
3. ควบคุมทุนผูกขาดโดยไม่ฆ่าธุรกิจใหญ่
• ตั้ง “คณะกรรมการปกป้องการแข่งขันอย่างเป็นธรรม” โดยมีภาคประชาชนร่วมกำกับจริง
• ปรับภาษีของบริษัทขนาดใหญ่ที่ได้ประโยชน์จาก AI หรือระบบอัตโนมัติเพื่อนำรายได้ไปสนับสนุนการฝึกทักษะแรงงานรุ่นเก่า
4. เศรษฐกิจชุมชน–วัฒนธรรม–สุขภาพ: พื้นที่โอกาสใหม่ของไทย
• สร้างเศรษฐกิจบน “อัตลักษณ์ไทย” เช่นอาหาร–สมุนไพร–งานฝีมือผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่รัฐสนับสนุน
• ส่งเสริม “ชุมชนสุขภาพดี” และ “เมืองเกษียณอย่างมีศักดิ์ศรี” เพื่อรองรับสังคมสูงวัยและสร้างตลาดใหม่ให้ธุรกิจดูแลสุขภาพ
• หนุนเศรษฐกิจ BCG (Bio–Circular–Green) ให้เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไทย
5. รัฐต้องไม่เป็นแค่ผู้แจก แต่เป็น “ผู้เปิดทาง”
• ใช้ Big Data วิเคราะห์ความต้องการแรงงาน–ทักษะ–ตลาดเพื่อกำหนดนโยบายอย่างแม่นยำ
• รัฐต้องเป็นผู้ลงทุนใน “โอกาสระยะยาว” เช่นการศึกษา–โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล–ระบบขนส่ง–พลังงานสะอาด
• ยกเครื่องงบประมาณใหม่ให้ยึด “ความคุ้มค่าเพื่ออนาคต” ไม่ใช่แค่การใช้เพื่อหาเสียงระยะสั้น
_____________________________________________
คำขวัญเศรษฐกิจของพรรค:
“เทคโนโลยีคือพลัง คุณธรรมคือเข็มทิศ”
(Technology is power, but morality is the compass)
_____________________________________________
ในด้านสังคม: ยอมรับความหลากหลาย แต่ยึดรากวัฒนธรรม
หลักคิด:
ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในฐานะมนุษย์ แต่ต้องไม่ให้เสรีภาพกลายเป็นเครื่องมือทำลายโครงสร้างความดีงามของสังคม
นโยบาย:
• สนับสนุนสิทธิ LGBTQ+, ผู้หญิง, ชนกลุ่มน้อยในด้านกฎหมาย–สวัสดิการเท่าเทียม
• ส่งเสริมครอบครัวและวัฒนธรรมท้องถิ่นในฐานะ “โครงสร้างยืนพื้นของสังคม”
• เปลี่ยนแปลงได้แต่ต้องมีการ “ทำความเข้าใจวัฒนธรรมเดิม” ก่อนจะรื้อถอน
• ส่งเสริม “ภูมิคุ้มกันทางวัฒนธรรม” เช่นการสอนประวัติศาสตร์วรรณกรรมท้องถิ่นควบคู่การเปิดโลก
_____________________________________________
ในด้านการเมือง: ประชาธิปไตยท้องถิ่นด้วยการกระจายอำนาจ
เราเห็นด้วยกับการกระจายอำนาจ แต่ต้องดำเนินอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่รีบเร่ง ไม่สุดโต่ง โดยเน้นให้ประชาชนท้องถิ่นมีบทบาทมากขึ้นผ่านกลไกของ อบจ. และ อบต. พร้อมระบบตรวจสอบที่โปร่งใส
หลักคิด:
รัฐกลางควรทำหน้าที่เพียง “วางกรอบใหญ่” แต่การตัดสินใจเชิงพื้นที่ควรมาจากประชาชนในพื้นที่
นโยบาย:
• ปฏิรูปการกระจายงบประมาณให้ท้องถิ่นกำหนดการใช้จ่ายเอง
• กระจายอำนาจอย่างมีขั้นตอน
• ทดลอง “เขตนำร่องการปกครองท้องถิ่นแบบกึ่งอิสระ” ในบางจังหวัดก่อนขยายทั่วประเทศ
• สนับสนุนรัฐบาลท้องถิ่นให้สามารถตั้งนโยบายสาธารณะเฉพาะพื้นที่ (เช่นสิ่งแวดล้อมการศึกษาฯลฯ)
• พัฒนาระบบตรวจสอบในท้องถิ่น (e-Governance, สภาประชาชนท้องถิ่น, ระบบร้องเรียนแบบเปิด)
• ทดลอง “เขตนำร่องการปกครองท้องถิ่นแบบกึ่งอิสระ” ในบางจังหวัดก่อนขยายทั่วประเทศ
_____________________________________________
ในด้านวัฒนธรรม: ศาสนาแบบเปิดกว้างภายใต้รากฐานพุทธ
เรามองว่าประเทศไทยจะไม่มีทางก้าวหน้าได้อย่างมั่นคง หากเราตัดขาดจากรากเหง้าทางจิตวิญญาณ เราจึงส่งเสริมพุทธศาสนาในฐานะศูนย์กลางจริยธรรมของชาติ พร้อมเปิดกว้างให้กับความหลากหลายทางศาสนา ภายใต้กรอบของความเคารพซึ่งกันและกัน
นโยบาย:
• สนับสนุนพุทธศาสนาในฐานะรากฐานทางจริยธรรมของสังคมไทย
• เคารพและปกป้องสิทธิของทุกศาสนาในการประกอบพิธีกรรมการศึกษาและการสื่อสารความเชื่อ
• ส่งเสริมความเข้าใจข้ามศาสนาโดยใช้หลัก “ปัญญาและความกรุณา”
• สร้างหลักสูตร “พหุวัฒนธรรมศาสนา” ในโรงเรียนเพื่อปลูกฝังความเคารพต่อความแตกต่าง
_____________________________________________
โครงสร้างพรรคการเมือง
พรรคของเราจะไม่เป็นเพียง “เครื่องมือเลือกตั้ง” ที่รอคะแนนเสียงทุกสี่ปี แต่จะเป็น “ขบวนการทางความคิด” ที่หยั่งรากอยู่ในชุมชน ท้องถิ่น และคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสติ มีวินัย และมีรากฐานทางปัญญา
เราจะจัดตั้งพรรคด้วยโครงสร้างที่เน้นการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ภาควิชาการ และผู้นำชุมชน โดยไม่ผูกขาดการตัดสินใจไว้เพียงผู้นำพรรคคนเดียว แต่จะมี “สภาภูมิปัญญา” ทำหน้าที่เป็นกลไกกลางเพื่อกลั่นกรอง ตรวจสอบ และให้คำปรึกษาเชิงอุดมการณ์ในทุกนโยบายสำคัญ
สาขาพรรคในแต่ละพื้นที่จะไม่ถูกกำหนดโดยเขตเลือกตั้งตามระบบราชการเท่านั้น แต่จะตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “เขตภูมิปัญญา” เช่น เขตที่มีความเข้มแข็งของเศรษฐกิจชุมชน เขตวัฒนธรรมเฉพาะ หรือพื้นที่นำร่องนโยบายปฏิรูป เพื่อให้พรรคสามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะพื้นที่ได้จริง
เราจะสร้างระบบคัดเลือกผู้แทนและผู้สมัครที่เปิดกว้าง โดยไม่จำกัดเพียงผู้มีวุฒิภาวะทางการศึกษา แต่ต้องมีวุฒิภาวะทางจริยธรรมและความเข้าใจในพื้นที่ของตน พรรคจะเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ ผู้สูงอายุ ชาวบ้าน นักวิชาการ และผู้ประกอบการ ได้เข้ามาเสนอแนวคิดและดำเนินการทางนโยบายโดยไม่ต้องผ่านระบบเจ้าขุนมูลนายทางการเมืองแบบเก่า
สุดท้าย พรรคของเราจะตั้งอยู่บนหลัก 3 ประการคือ
“เสรีภาพ – ความรับผิดชอบ – ภูมิปัญญา”
เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่สมดุล เป็นของไทยอย่างแท้จริง และอยู่รอดได้อย่างมีศักดิ์ศรีในโลกยุคใหม่
_____________________________________________
โครงสร้างองค์กรพรรค:
1. คณะกรรมการบริหารพรรค (Executive Council)
2. สภาภูมิปัญญา (Council of Thai Wisdom)
บทบาท:
เป็นกลไกทางความคิด ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา ควบคุมทิศทางอุดมการณ์ และประเมินผลกระทบเชิงคุณธรรมและวัฒนธรรมของนโยบายพรรค
ประกอบด้วย:
• นักปราชญ์ท้องถิ่น
• นักวิชาการด้านสังคม/วัฒนธรรม
• ผู้แทนศาสนา/ชุมชน
• ตัวแทนภาคประชาสังคม
3. คณะกรรมการนโยบายสาธารณะ (Policy Committee)
4. สภาเสียงประชาชน (People’s Assembly of the Party)
บทบาท:
เป็นพื้นที่รับฟัง–สะท้อนความคิดเห็นของสมาชิกพรรค และประชาชนในแต่ละพื้นที่
ประกอบด้วย:
• ตัวแทนสมาชิกพรรคจากทุกเขต
• องค์กรภาคประชาชนที่มี MOU กับพรรค
• กลุ่มเยาวชน/ผู้นำชุมชน/ผู้แทนท้องถิ่น
5. ฝ่ายสื่อสารและกลยุทธ์พรรค (Communications & Strategic Unit)
บทบาท:
บริหารงานสื่อสาร การตลาดการเมือง และการรณรงค์เชิงนโยบายให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของพรรค
สรุปจุดเด่นของโครงสร้างนี้:
• คานดุลระหว่างอุดมการณ์–กลยุทธ์–เสียงประชาชน
• ผสมผสานระหว่าง “ความเป็นพรรค” กับ “ขบวนการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม”
• เป็นพรรคที่ตั้งอยู่บนฐานความคิดแบบไทยโดยไม่ละทิ้งเครื่องมือทันสมัย
_____________________________________________
วาทกรรมหลัก (Slogan/Key Message)
“เปิดโลก…โดยไม่ทิ้งราก”
“อิสรภาพที่เติบโตบนพื้นฐานของวัฒนธรรม”
“รัฐบาลกลางควรเปิดทาง ไม่ใช่ขวางทาง”
“เศรษฐกิจแข่งขันเสรี…สังคมเคารพซึ่งกันและกัน”
_____________________________________________