Screenshot
ทำอย่างไรให้ไทย “ได้ประโยชน์มากกว่าเสียเปรียบ”
จากข้อตกลงล่าสุดระหว่างไทย-สหรัฐฯ ที่นายกฯ อนุทิน ไปลงนามกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มาเลเซีย
#อัษฎางค์ยมนาค #อ่านเกมอำนาจ #FutureTechEconomy
▍1. ไทยควรวางตัวเป็น “จุดตัดกลางของภูมิภาค”
ไทยอยู่ตรงกลางระหว่าง 3 ขั้วอำนาจเศรษฐกิจใหญ่ของโลก สหรัฐฯ, จีน และอินเดีย เราสามารถใช้จุดนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้แบบนี้
• ขั้วสหรัฐฯ – ใช้ข้อตกลงใหม่นี้สร้างภาพว่า “ไทยมีมาตรฐานสูง” ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม แรงงาน และดิจิทัล เพื่อดึงดูดโรงงานเทคโนโลยีสะอาด เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ชิป และแบตเตอรี่ ให้มาลงทุนในไทย
• ขั้วจีน – รักษาฐานการผลิตและชิ้นส่วนเดิมของไทยให้แข็งแรง แล้วใช้ข้อได้เปรียบที่ไทย “เข้าถึงตลาดสหรัฐได้ง่าย” ดึงโรงงานจีนให้มาตั้งในไทยมากขึ้น (แนวทางที่เรียกว่า China+1 Strategy)
• ขั้วอาเซียน–อินเดีย – จับมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย ทำ “ห่วงโซ่ร่วม” คือแบ่งกันผลิตชิ้นส่วน แล้วนำมาประกอบในไทยเพื่อส่งต่อไปขายตลาดสหรัฐฯ
พูดง่าย ๆ: ไทยเป็นทั้ง “สะพานเชื่อมจีน–อินเดีย” และ “ประตูเชื่อมสหรัฐฯ–อาเซียน” ได้ในเวลาเดียวกัน
▍ 2. ใช้ “แร่สำคัญ” และ “อุตสาหกรรมสะอาด” เป็นหมากทองคำ
แร่หายาก (Rare Earth) และพลังงานสะอาด คือของมีค่าในโลกอนาคต ไทยไม่ควรขายวัตถุดิบดิบ ๆ แล้วให้ต่างประเทศนำไปแปรรูป แต่ควร…
• ตั้งโครงการทดลอง (sandbox) สำหรับโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ และโรงงานแปรรูปแร่หายากในประเทศ
• บังคับให้ทุกโครงการต้องมี “ผู้ประกอบการไทยร่วมลงทุน” และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี (ไม่ให้ต่างชาติกอบโกยฝ่ายเดียว)
• ยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมให้ดีที่สุดในภูมิภาค เพื่อให้ไทยถูกมองว่าเป็น “ประเทศที่ผลิตของสะอาดที่สุดในอาเซียน”
ผลลัพธ์: ไทยได้เทคโนโลยี ได้งาน ได้ชื่อเสียง และรักษาทรัพยากรไว้ให้ลูกหลาน
▍ 3. เปิดตลาดก็จริง แต่ต้องมี “เกราะคุ้มกัน”
เมื่อเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ เข้ามา 99% ไทยต้องมีกลยุทธ์ป้องกันไม่ให้ธุรกิจในประเทศล้ม
• ใช้มาตรการ “โควตา” หรือ “หยุดนำเข้าชั่วคราว” สำหรับสินค้าบางกลุ่มที่เปราะบาง เช่น เกษตร อาหารแปรรูป ของใช้ในบ้าน
• ตั้ง “กองทุนช่วยปรับตัว” ให้เกษตรกรและ SME ได้เงินกู้ดอกต่ำ หรือเงินสนับสนุนบางส่วน เพื่อให้ปรับมาตรฐานสินค้าทันสมัยขึ้น
• ใช้หลัก “แลกเป็นขั้นตอน” — ถ้าสหรัฐลดภาษีสินค้าของไทยรายการหนึ่ง ไทยค่อยเปิดตลาดสินค้าของสหรัฐเพิ่มในอีกหมวดหนึ่ง
เหมือนต่อรองแบบแฟร์ ๆ: ถ้าเธอลด เราก็เปิด ถ้าเธอไม่ลด เราก็ยังไม่เปิดหมด
▍ 4. เปิดเสรีดิจิทัล แต่ต้องไม่เสีย “อธิปไตยข้อมูล”
ไทยตกลงไม่เก็บภาษีดิจิทัล (Digital Service Tax) ซึ่งทำให้บริษัทเทคโนโลยีต่างชาติได้เปรียบ แต่เราสามารถชดเชยได้โดย…
• เก็บภาษีในส่วนของ กำไร การจ้างงาน และการลงทุนด้านวิจัย (R&D)
• บังคับให้บริษัทใหญ่ที่มาเปิดในไทยต้องมี ศูนย์ข้อมูลหรือศูนย์ปฏิบัติการในประเทศ
• ข้อมูลสำคัญ เช่น การเงินหรือสาธารณสุข ต้องมี สำเนาเก็บไว้ในไทย เพื่อป้องกันปัญหาความมั่นคง
สรุปง่าย ๆ: เปิดประเทศรับเทคโนโลยี แต่ต้องไม่เปิดหมดจนข้อมูลคนไทยหลุดไปต่างประเทศ
▍ 5. จาก “MOU บนกระดาษ” สู่ “เงินจริงในประเทศ”
MOU หรือข้อตกลงเป็นเพียงเอกสาร ถ้าไม่มีการผลักดันจริงก็ไม่เกิดมูลค่า ไทยควรเปลี่ยนจาก “พูดคุย” เป็น “ลงมือทำ” เช่น
• รวบรวมโครงการพร้อมลงทุน (โรงงาน EV, ชิป, พลังงานสะอาด, อาหาร) ออกมาให้เอกชนเลือกได้เลย
• จัดเวที “โต๊ะกลม CEO” ระหว่างไทย–สหรัฐฯ–อาเซียน ควบคู่กับการประชุมใหญ่ เช่น APEC หรือ ASEAN Summit เพื่อให้เกิดข้อตกลงจริงภายใน 1 ปี
เป้าหมายคือ: จาก “บันทึกข้อตกลง” → “ร่วมทุน” → “โรงงานจริง”
▍ สรุปภาพรวมเข้าใจง่าย
ข้อตกลงนี้จะกลายเป็น “อาวุธทางเศรษฐกิจ” ได้จริง ก็ต่อเมื่อไทย
• เปิดประเทศอย่างมีแผน
• ป้องกันกลุ่มเปราะบาง
• ดึงการลงทุน–เทคโนโลยีเข้ามา
• และรักษาอธิปไตยด้านข้อมูลกับทรัพยากร
พูดสั้น ๆ คือ
“อย่าเป็นแค่ผู้ซื้อหรือผู้ขาย แต่ต้องเป็นผู้กำหนดเกม”