
“พอล แชมเบอร์ส” กับเส้นแบ่งระหว่างเสรีภาพทางวิชาการ อธิปไตยของประเทศไทย และความมั่นคงของชาติ
#อัษฎางค์ยมนาค
ความคิดต้องเป็นอิสระแต่ความจริงต้องได้รับการพิทักษ์
→ Ideas Must Be Free, But Truth Must Be Guarded
_______________________________________________
กรณีของ ดร.พอล แชมเบอร์ส ไม่ได้เป็นเพียงข้อพิพาททางกฎหมาย แต่สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของเส้นแบ่งระหว่าง “เสรีภาพทางวิชาการ” กับ “อธิปไตยของรัฐ” และ “ความมั่นคงของชาติ” ซึ่งประเทศไทยต้องเผชิญท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งภายในและต่างประเทศ
_______________________________________________
1. ตำรวจจับ: แต่อธิบดีอัยการภาค 6 มีคำสั่งไม่ฟ้อง
กรณีของ ดร.พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกัน ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอาจารย์พิเศษประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมถึงพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญที่สะท้อนความซับซ้อนระหว่าง เสรีภาพทางวิชาการ, กลไกของประเทศไทย, และ ความมั่นคงของชาติ
แม้ภายหลัง อธิบดีอัยการภาค 6 จะมีคำสั่งไม่ฟ้อง ในทุกข้อกล่าวหา แต่สถานะของ ดร.พอล ในประเทศไทยยังคงสั่นคลอนอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะในด้านการทำงาน การพำนัก หรือความน่าเชื่อถือในทางสาธารณะ
_______________________________________________
2. สถานะของพอล: เสมือนบุคคลไร้สัญชาติชั่วคราว
แม้อัยการจะไม่ฟ้องในคดีอาญา แต่ ตม. “ยังถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง” พอลจึงไม่มีสถานะพำนักอย่างถูกกฎหมาย และยังถูกยึดพาสปอร์ตอีกครั้ง แม้เพิ่งได้คืน ทำให้เขา “ไม่มีสิทธิอยู่ต่อ” แต่ก็ “ยังเดินทางออกจากไทยไม่ได้” จึงอยู่ในสภาพ ติดค้างโดยไม่มีสถานะทางกฎหมายแน่ชัด
_______________________________________________
3. ความหมายของการเลิกจ้าง: การส่งสัญญาณของรัฐผ่านมหาวิทยาลัย
เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีคำสั่งยกเลิกการจ้างงาน ดร.พอล แชมเบอร์ส โดยระบุว่า ได้รับแจ้งจาก กองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 5 ว่าดร.พอลถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ส่งผลให้ไม่มีคุณสมบัติในการทำงานตามกฎหมายแรงงานและคนเข้าเมืองของไทย
คงไม่ต้องถามว่า มหาวิทยาลัยนเรศวร เลิกจ้าง…เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย หรือเพราะจนมุม!
_______________________________________________
4. กลไกการเพิกถอนวีซ่า: การปรับเหตุผลเพื่อสะท้อนลักษณะคดี
วันที่ 9 เม.ย. 2568 ดร.พอลถูกเพิกถอนสิทธิพำนักในราชอาณาจักร โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอ้างว่าเขามีพฤติการณ์ต้องหาว่ากระทำความผิดตามมาตรา 112 เข้าข่ายเป็นบุคคลต้องห้ามตามมาตรา 12(8) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
ต่อมา มีการแจ้งแก้ไขเปลี่ยนเหตุผลเป็นมาตรา 12(7) ซึ่งให้เหตุผลว่าเป็นบุคคล “น่าเชื่อว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ” ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะของคดีมากกว่า
แม้ฝ่าย ดร.พอล จะยื่นอุทธรณ์โดยระบุว่ากระบวนการดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายปกครอง แต่ในทางข้อเท็จจริง การเปลี่ยนเหตุผลครั้งนี้สะท้อนว่าเป็นการปรับเพื่อให้ตรงกับสาระของคดีอย่างชัดเจน
_______________________________________________
5. เสรีภาพทางวิชาการ vs ความมั่นคงของชาติ
แม้ “เสรีภาพทางวิชาการ” จะเป็นหลักสำคัญตามมาตรฐานสากล เช่น ข้อ 19 ของ ICCPR แต่ก็มีขอบเขตชัดเจนว่า ต้องไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ไม่ยุยง ปลุกปั่น หรือสร้างความเกลียดชัง และต้องอิงอยู่บนข้อมูลที่ตรวจสอบได้
บทความหลายชิ้นของ ดร.พอล แม้จะนำเสนอในรูปแบบวิชาการ แต่มีเนื้อหาที่พาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในลักษณะลดทอนความชอบธรรม ซึ่งในบริบทของไทยถือเป็นเรื่องอ่อนไหวและอาจเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคง
_______________________________________________
6. ความเชื่อมโยงทางการเมืองระหว่างประเทศ (ภูมิรัฐศาสตร์ / Geo-politics)
• กรณีนี้อาจไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวของพอล แต่เชื่อมโยงกับ ขบวนการสร้างวาทกรรมเพื่อลดทอนสถาบัน
• พอลได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบางกลุ่ม ทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น NGO, นักวิชาการสายตะวันตกบางกลุ่ม, เพจสิทธิมนุษยชน ฯลฯ หรือไม่? เป็นคำถาม
• ทำให้ไทย “ต้องใช้กลไกด้านกฎหมายคนเข้าเมือง” แทนการดำเนินคดีตาม ม.112 ซึ่งถูกกดดันจากนานาชาติ
• การเลือกใช้มาตรา 12(7) จึงเป็นเครื่องมือของไทยในการปกป้องความมั่นคง โดยไม่ต้องเข้าสู่ข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างประเทศ
_______________________________________________
7. ข้อสังเกต: มาตรฐานซ้อนของ “สิทธิมนุษยชน”
• นักสิทธิมนุษยชนบางฝ่ายชี้ว่า พอลควรได้รับสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นตามหลัก ICCPR
• แต่เมื่อไทยใช้กฎหมายคนเข้าเมือง (ไม่ใช่ ม.112) เพื่อจำกัดสิทธิ เขาจึงกลับตกอยู่ในสภาพเดียวกับคนต่างด้าวทั่วไป
• หากใช้มาตรฐานสากลจริง ไทยมีสิทธิเต็มที่ในการป้องกันภัยต่อความมั่นคง โดยไม่ต้องถูกกล่าวหาว่าปิดกั้นเสรีภาพ
_______________________________________________
8. บทสรุป
กรณี ดร.พอล แชมเบอร์ส สะท้อนให้เห็นว่า:
• การที่มหาวิทยาลัยนเรศวร ”เลิกจ้าง“ เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย หรือเพราะจนมุม?
• เจ้าหน้าที่รัฐใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อจัดการกับบุคคลต่างด้าวที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง
• เสรีภาพทางวิชาการไม่อาจอยู่เหนือกฎหมาย และต้องรับผิดชอบต่อบริบทของประเทศที่ให้พำนัก
• ประเทศไทย มีสิทธิใช้กฎหมายเพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของตนเอง
• กรณีนี้ถือเป็นบทเรียนว่า เราควรมีความพร้อมทั้งในเชิงกฎหมาย การสื่อสาร และระบบตรวจสอบ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในยุคที่ “วาทกรรม” ถูกใช้เป็นอาวุธอย่างแยบยล
ประเทศไทยควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่า “เสรีภาพ” ที่ไม่สมดุลกับ “อธิปไตย” อาจกลายเป็นช่องโหว่ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือแทรกแซงทางอุดมการณ์ได้ในระยะยาว
_______________________________________________
อัษฎางค์ ยมนาค
พิทักษ์รักษาสถาบัน → ด้วยความจริงและพลังแห่งปัญญา
Standing for the Institution With Truth and Intellectual Strength
#พิทักษ์รักษาสถาบันด้วยความจริงและปัญญา
#ความคิดต้องเป็นอิสระแต่ความจริงต้องได้รับการพิทักษ์
#พอลแชมเบอร์ส
#เสรีภาพทางวิชาการ
#ความมั่นคงของชาติ
#สิทธิมนุษยชนหรือเครื่องมือทางการเมือง
#อธิปไตยของประเทศไทย
#เสรีภาพไม่มีเหนืออธิปไตย
#สิทธิมนุษยชนหรืออาวุธทางความคิด